ขนุน เป็นไม้ผลยืนต้นขนาดใหญ่ ปลูกง่าย เติบโตเร็ว ผลขนุนมีขนาด ใหญ่ รูปกลมหรือกลมยาว เปลือกมีหนามแหลมสั้นรอบผล เนื้อขนุนเป็นที่นิยม รับประทานกันทั่วไป เนื้อมีลักษณะเป็นยวงมีเมล็ดอยู่ข้างใน มีทั้งเนื้อชนิดหนา เนื้อ บาง เนื้อแห้งกรอบ และเนื้อเละ สีของเนื้อแตกต่างกันไปแล้วแต่พันธุ์ของขนุน เมื่อพูดถึงเรื่องของขนุนแล้ว ก็อยากจะบอกกล่าวและเล่าเรื่องราวถึง การทำสวนขนุนของคุณสุธรรม  ซื่อตรง  ที่ชุมชนหนองแหวน ในเขตเทศบาลตำบลเมืองแกลงของเรา โดยขนุนที่ได้จากสวนนี้มีรางวัลจากงานเกษตรแฟร์ ที่สวนอัมพร วังกุหลาบ ในโครงการเพื่อนพึ่ง(ภา) ยามยากมาการันตีคุณภาพ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งของดีอีกชิ้นหนึ่งทีเดียวที่เมืองแกลงของเราภูมิใจ
สวนของคุณสุธรรม  ซื่อตรง หรือเราเรียกว่า คุณหม่อง  สวนขนุนของเขานั้นมีขนุนพันธุ์  สีทองและพันธุ์ทองประเสริฐ คุณหม่องเล่าให้ฟังว่าบ้านเกิดของขนุนพันธุ์สีทองนี้มาจากเมืองแกลงบ้านเรานี่เอง จุดเด่นของขนุนพันธุ์สีทอง มีลักษณะเป็นพันธุ์เบา ให้ผลเร็ว สีสวย และเนื้อสนิม   (ซึ่งเป็นคำทับศัพท์ของชาวสวนขนุน) ก็จะมีน้อย ซึ่งแตกต่างจากพันธุ์ทองประเสริฐ จะมีเนื้อสนิมมากในหน้าฝน
คุณหม่องยังเล่าต่อไปอีกว่า ที่สวนของเขานั้นให้การดูแลสวน เป็นแบบสวนเกษตรอินทรีย์กึ่งผสม แม้การกำจัดแมลงคุณหม่องยังใช้วิธีในการดักแมลงเป็นวิธีการธรรมชาติ โดยการเจาะขวดน้ำดื่ม ให้เป็นสามเหลี่ยม แล้วใช้สำลีชุบน้ำเชื้อ เพื่อดักแมลงวันทองไม่ให้เจาะเนื้อขนุน  คุณหม่องยังคงเล่าเรื่องราว ย้อนไปเมื่อครั้งอดีต เกี่ยวกับประสบการณ์การทำสวนว่าเคยผ่านการทำสวนทุเรียน ซึ่งในขณะนั้นมีปัญหาเรื่องราคาตลาด ต้นทุนการผลิตสูง ซึ่งเมื่อเทียบ ดูแล้วหลังจากที่คุณหม่องหันมาทำสวนขนุน  ได้ผลผลิตจากการเก็บเกี่ยวนานถึง 9 เดือน ซึ่งต่างจากการทำสวนทุเรียนที่เก็บเกี่ยวได้ปีละ 1 ครั้ง ยังไม่หมดเพียงเท่านี้
คุณหม่องยังคงเล่าต่อไปถึงการให้อาหารแก่ดิน คุณหม่องบอกว่าใช้ปุ๋ยอินทรีย์และน้ำจุลินทรีย์ที่ผลิตเอง ช่วยในการบำรุงดิน เพื่อไม่ให้หน้าดินเสีย ทั้งยังส่งผลให้ลำตันผลิใบที่เขียวสดงดงาม และยังได้ผลผลิตที่มีรางวัลมาการันตีอีกด้วย ซึ่งเป็นผลทำให้ตลาดที่มารับซื้อขนุนจากสวนคุณหม่อง ที่ส่งภายในประเทศโดยมีพ่อค้ามารับเองจากสวนซึ่งจะส่งไปที่ตลาดมหานาค ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ และตลาดภายในประเทศอีกตลาดหนึ่งคือ ตลาดบางบอน ส่วนตลาดที่ส่งออกต่างประเทศจะเป็นตลาดประเทศเวียดนามและจีน ตอนนี้ราคาขนุนลูกที่ได้อยู่ที่กิโลกรัมละ 13 -15 บาท
และคุณหม่องยังบอกอีกว่าผลจากการขายขนุนอ่อน นั่นคือ ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าแรงงาน ซึ่งแปลว่าขนุนอ่อนที่ตัดได้คือค่าใช้จ่าย ส่วนขนุนแก่ที่ตัดลูกส่งตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศนั่นคือกำไรที่ได้  ก่อนจากกันคุณหม่องยังทิ้งท้ายไว้ว่า หากท่านใดที่มีที่ดินว่างเปล่า ก็อย่าปล่อยให้ที่ว่างเสียประโยชน์ไป ควรหันมาปลูกพืชผลไม้ ยึดตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง โดยการหมักปุ๋ยอินทรีย์ และน้ำจุลินทรีย์ไว้ใช้เอง เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการผลิต ทั้งยังเป็นการบำรุงรักษาหน้าดิน เพื่อให้ดินโปร่งร่วนซุย ไม่ทำให้หน้าดินเสีย ทั้งยังต้นไม้ก็ไม่เป็นโรค ซึ่งจะทำให้เราประสบความสำเร็จในการทำสวนขนุน และนี่ก็คืออีกหนึ่งชิ้นสำคัญที่เมืองแกลงภูมิใจนำเสนอ

January 20, 2010